• ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของคอเรสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ
• ช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบ
• มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและหัวใจ
• ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง
องุ่นเป็นผลไม้ที่มีรสชาติดี ทั้งรสหวาน เปรี้ยว มีขายทั่วไป ปลูกกันมากกว่า 5000 ปี สามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในเขตหนาว เขตกึ่งร้อนกึ่งหนาว และเขตร้อน
ปัจจุบันนี้มีการปลูกองุ่นกันแพร่หลายมากในบ้านเรา ไร่องุ่นบางไร่จะนำผลผลิตไปทำไวน์ แต่บางไร่เน้นเรื่องการจำหน่ายผลองุ่น องุ่นที่ปลูกในเมืองไทยมีมายกมายหลายพันธุ์ ทั้งลูกใหญ่ ลูกเล็ก สีเขียว สีแดง สีม่วง มีเมล็ด ไร้เมล็ด มีให้ผู้บริโภคเลือกตามใจชอบ องุ่นกินได้ทั้งผลสดและแห้ง
คนส่วนใหญ่จะคายเมล็ดองุ่นทิ้ง ความจริงเมล็ดองุ่นจะมีนำมันที่กินได้ และเชื่อว่าน้ำมันนี้ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวของก่อนเลือดประโยชน์ขององุ่นโดยเฉพาะองุ่นแดงหรือองุ่นม่วง ส่วนใหญ่เกิดจากสีที่มีมากที่ผิวและเมล็ดขององุ่น ซึ่งมีปริมาณมากกว่าในเนื้อองุ่นประมาณ 100 เท่า สารแอนโธไซยานิน เป็นสารกลุ่มโพลิฟินอลมีมากในองุ่นแดง หรือม่วง ส่วนสาร แคทิชิน มีมากในองุ่นเขียว ปริมาณสารโพลิฟินที่มีอยู่ที่ผิวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง นอกจากนี้องุ่นยังอุดมไปด้วย กรดเอลลาจิก ซึ่งเป็นสาร ฟลาโวนอยด์ ที่มีพลังในการต่อสู้กับมะเร็ง
คนส่วนใหญ่จะคายเมล็ดองุ่นทิ้ง ความจริงเมล็ดองุ่นจะมีนำมันที่กินได้ และเชื่อว่าน้ำมันนี้ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวของก่อนเลือดประโยชน์ขององุ่นโดยเฉพาะองุ่นแดงหรือองุ่นม่วง ส่วนใหญ่เกิดจากสีที่มีมากที่ผิวและเมล็ดขององุ่น ซึ่งมีปริมาณมากกว่าในเนื้อองุ่นประมาณ 100 เท่า สารแอนโธไซยานิน เป็นสารกลุ่มโพลิฟินอลมีมากในองุ่นแดง หรือม่วง ส่วนสาร แคทิชิน มีมากในองุ่นเขียว ปริมาณสารโพลิฟินที่มีอยู่ที่ผิวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง นอกจากนี้องุ่นยังอุดมไปด้วย กรดเอลลาจิก ซึ่งเป็นสาร ฟลาโวนอยด์ ที่มีพลังในการต่อสู้กับมะเร็ง
องุ่นและน้ำองุ่นมีบทบาทต่อระบบหัวใจแตกต่างกัน รงควัตถุในองุ่น แดง ม่วงและดำ จะช่วยป้องกันระบบหัวใจโดยกลไกลหลายอย่าง รวมทั้งการป้องกันมีให้เลือดจับกันเป็นก้อน ยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของ แอล ดีแอล คอเลสเตอรอล ลดระดับโฮโมซิสเตอีน และคุณสมบัติการต้านการเกิดหลอดเลือดแข็ง องุ่นกระตุ้นการสร้างไนตริกออกไซด์ในเยื่อบุชั่นใน ซึ้งเหนี่ยวนำทำให้เกิดการคลายตัวของผนังหลอดเลือดและทำให้ความดันโลหิตลดลง และรายงานศึกษาเกี่ยวกับน้ำองุ่นพบว่า สามารถลดแอล ดี แอลคอเลสเตอรอล และลดระดับตัวชีวัดการอักเสบในพลาสม่า
กินองุ่นครั้งต่อไป อย่าลืมกินทั้งเปลือกและเมล็ด แต่ต้องล้างให้สะอาดก่อน
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
องุ่น เป็นอาหารบำรุงร่างกายอีกชนิดหนึ่ง นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหาร ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีหลายชนิด สารอาหารที่สำคัญ คือน้ำตาล และสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์อีกประมาณ 7-8 ชนิด น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีเหล็ก และแคล เซี่ยมองุ่นยังสามารถนำไปทำเหล้าองุ่น ซึ่งเป็นเหล้าบำรุง ส่วนเครือและราก ใช้เป็นยาขับลม ขับปัสสาวะ รักษาโรคไขข้ออักเสบ ปวดเอ็นกระดูก และมีฤทธิ์ระงับประสาท แก้ปวด แก้อาเจียนอีกด้วย
การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง คนที่ร่างกายผอมแห้ง แรงน้อย แก่ก่อนวัย ไม่มีเรี่ยวแรง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยเสริมทำให้ร่างกายค่อยๆแข็งแรงขึ้นได้
การยับยั้งเซลล์มะเร็งด้วยสารสกัดจาก...'องุ่นแดง'
โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้เกิดโศกนาฎกรรมอย่างใหญ่หลวงแก่ประชาชนทุกชาติ ทุกภาษา ในวงการแพทย์พบว่าโรคที่มีอัตราการตายสูงมาก คือ โรคมะเร็ง
โรคมะเร็ง ก่อกำเนิดมาจากเซลล์มะเร็งที่เกาะตามอวัยวะต่างๆ เปลี่ยนสภาพในร่างกาย แล้วเปลี่ยนไปเป็นเนื้อร้ายเจริญเติบโตและขยายตัวในหลอดเลือด และน้ำเหลือง จนในที่สุดกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายจนยากแก่การรักษา โดยเฉพาะหากกระจายไปที่ส่วนสำคัญ เช่น ปอด ตับ และสมอง เป็นต้น ซึ่งอวัยวะดังกล่าวเป็นจุดอ่อนที่เซลล์มะเร็งสามารถเข้าไปทำลายได้ง่าย แล้วก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด
การรักษาโรคหรือเนื้อร้ายนี้ในวงการแพทย์ได้พยายามวิวัฒนาการ การรักษา และเยียวยาเป็นเวลาช้านาน
ปัจจุบันมีหลายวิธี คือ การผ่าตัด เคมีบำบัดและรังสีรักษา ซึ่งวิธีการดัง กล่าวก็เป้นเพียงแต่ยับยั้งหรือจำกัดการแพร่กระจายได้ในส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะในทางเคมีบำบัด และรังสีรักษา อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปากอักเสบ ผมร่วง เป็นต้น ซึ่งสร้างความเจ็บปวดหรือทุกขเวทนาแก่ผู้ป่วยจนอาจยุติการรักษาและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตในที่สุด
"...พบว่าสารสกัดจากกากองุ่นแดงสามารถ ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง จะหยุดการกระจาย และตายไปในที่สุด ที่ทางวิทยาศาสตร์เรียก อะพอพโตซิส (apoptosis)..."
องุ่นแดง (ประกอบด้วย เมล็ด เนื้อ และเปลือก) มาใช้ในการศึกษาฤทธิ์ความเป็นพิษ ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเป็นมะเร็งตับที่มีอุบัติ-การณ์สูงสุด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย พบว่าสารสกัดจากกากองุ่นแดงสามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งและหยุดการกระจาย จนตายไปในที่สุด ที่ทางวิทยาศาสตร์เรียก อะพอพโตซิส (apoptosis)
นอกจากนี้ยังมีสาร Ellagic acid ที่สามารถจับและทำลายพิษของสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะ สาร resveratrol ที่พบมากในผิวจากเปลือกองุ่นแดง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ขณะเดียวกันก็ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันแลัวยังเป็นสารป้องกันและต้านมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานจากต่างประเทศว่า สามารถใช้รักษาโรคอัลไซ -เมอร์ พาร์กินสันและ เอดส์ได้อีกด้วย
ดังนั้น หากเรานำเอาสารสกัดที่ได้จากการแปรรูปขององุ่น มาใช้ให้เป็นประโยชน์โดย เฉพาะนำมาสกัดเอาสาร polyphenol เป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและเป็นสารต้านมะเร็ง โดยสกัดมาทำยา ซึ่งเราสามารถใช้เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคร้ายนี้ได้ในอนาคต
0 comments:
Post a Comment