Sunday, July 22, 2012

วิตามินดี (cholecalciferol)



• ป้องกันการเสื อมสภาพของเซลล์ภายในร่างกาย
• เหมาะสำหรับผู้ที มีคอเรสเตอรอลในเลือดสูง
• ช่วยสมานแผลในร่างกาย
วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันมีอยู่ด้วยกันสองฟอมร์คือ ergocalciferol พบในยีสต์ และ cholecalciferol พบในน้ำมันตับปลา ไข่แดง และสังเคราะห์ที่ผิวหนัง ส่วนในน้ำนมพบทั้งสองฟอมร์

เราได้วิตามินส่วนหนึ่งจากอาหาร อีกส่วนหนึ่งจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนัง หน้าที่ของวิตามินดีคือทำหน้าที่ร่วมกับแคลเซี่ยมในการสร้างกระดูกและฟัน และช่วยเร่งการดูดซึมแคลเซี่ยมในลำไส้

อาการของคนที่ขาดวิตามินดี คือกระดูกและฟันอ่อนแรง หักง่าย นอนไม่หลับในเด็กหากขาดวิตามินดี เรียก rickets ส่วนในผู้ใหญ่เรียก osteomalacia


วิตามินดีที่เราได้รับไม่ว่าจากอาหารหรือจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังร่างกายยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีอวัยวะที่เปลี่ยนคือ
    ที่ตับเมื่อเปลี่ยนแล้วจะได้วิตามินดีที่เรียกว่า calcidiol
    ที่ไตเมื่อวิตามินเปลี่ยนแล้วจะได้วิตามินที่เรียกว่า calcitriol


หลายคนคงทราบว่า วิตามินดี(vitamin D)มีประโยชน์ต่อกระดูก เช่นอาจจะจำได้ว่า เราต้องออกไปรับแสงแดดเพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามิน D เป็นต้น ปัจจุบันเราพบว่ามันมีประโยชน์โรคหอบหืด หัวใจ เบาหวานและป้องกันมะเร็ง

วิตามินดี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมเข้าไปในกระดูก ในคนที่ขาด ทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน เพราะกระดูกขาดแคลเซียม ในเด็กๆ ทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน(rickets) ในบางประเทศ ต้องเสริมวิตามินดีในนมเลี้ยงเด็ก เนื่องจากขาดแสงแดด เป็นต้น

วิตามินดี กับบทบาทในการป้องกันโรคซึมเศร้า และโรคหัวใจ จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ขาดวิตามินดี มีอัตราการเกิดโรคซึมเศร้า และโรคหัวใจสูงกว่า แม้ว่าจะยังไม่ทราบเหตุผล มีการศึกษาพบว่า อัตราการตายจากโรคหัวใจลดลง 7% ในผู้ป่วยที่รับวิตามินดีเป็นประจำ ในเด็กที่เป็นหอบหืด พบอาการหอบหืดมากกว่าในเด็กที่ขาดวิตามินดี

ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้จากผิวหนัง โดยเมื่อผิวได้รับแสงแดด จะมีการสร้างวิตามินดี แต่การรับแสงแดดมากไปจะเกิดผลข้างเคียงอื่นๆเช่น ไหม้ หรือมะเร็ง ควรรับแดดอ่อนตอนเช้า ไม่เกิน 20 นาทีก็เพียงพอ

วิตามินดี มีมากในอาหารบางประเภท เช่น ไข่แดง ปลาแซลมอน นมที่มีวิตามินดี คนไข้ที่อยู่ในบริเวณที่ไม่ค่อยมีแสงแดด แนะนำให้รับประทานวิตามินดี หรืออาหารพวกนี้เพิ่ม ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินดีในโรคอื่นๆ เช่น โรคอ้วน โรคท้องเสียเรื้อรัง ก็แนะนำให้รับประทานวิตามินดีเพิ่มเช่นกัน

วิตามินดีกับโรคความดันโลหิตสูง เราพบว่า ในผู้ที่ขาดวิตามินดี และมีความดันสูง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและเสียชีวิตสูงกว่า

วิตามินดีกับโรคมะเร็งเต้านม จากการศึกษา พบว่า การขาดวิตามินดี จะทำให้เพิ่มโอกาสที่มะเร็งเต้านม กระจายไปมากกว่าคนปกติ ยิ่งกว่านั้นมีการศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินดี ป้องกันมะเร็งเต้านมได้

วิตามินดีกับมะเร็งอื่นๆ มีการศึกษาพบว่า วิตามินดี ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยของวิตามินดียังเป็นเรื่องรองจากการควบคุมอื่นๆ เช่น การออกกำลัง การควบคุมน้ำหนัก และการงดของที่ก่อมะเร็ง เป็นต้น






0 comments:

Post a Comment